ข่าวประจำวัน

ทึ่ง!!!พบสุสานโบราณซุกซ่อนอยู่ในป่าทึบริมน้ำโขงนอภ.กับทหารเข้าดูแล!!กำชับผู้ใหญ่บ้านห้ามคนภายนอกเข้าพื้นที่หวั่นของโบราณโดนขโมย

loading...
ทึ่ง!!!พบสุสานโบราณซุกซ่อนอยู่ในป่าทึบริมน้ำโขงนอภ.กับทหารเข้าดูแล!!กำชับผู้ใหญ่บ้านห้ามคนภายนอกเข้าพื้นที่หวั่นของโบราณโดนขโมยทึ่ง!!!พบสุสานโบราณซุกซ่อนอยู่ในป่าทึบริมน้ำโขงนอภ.กับทหารเข้าดูแล!!กำชับผู้ใหญ่บ้านห้ามคนภายนอกเข้าพื้นที่หวั่นของโบราณโดนขโมย กรณีมีการค้นพบ ป่าช้าโบราณยุคปลายรัชกาลที่ 1 ซุกซ่อนอยู่ในป่าทึบริมแม่น้ำโขง บ้านท่าดอกแก้วเหนือ หมู่ 6 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ล่าสุด(10 มี.ค.60) ว่าที่ร้อยเอก พงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอท่าอุเทน พร้อมทหารจากกองกำลังสุรนารี เดินทางตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี นางรุ่งรัตน์ ประดิษฐ์บุญ ผู้ใหญ่บ้าน นายวิเชียร ท่าเข ส.อบต.ท่าจำปา ผู้ที่เข้าไปหาของป่าในป่าช้าประจำ และ นายสอน พลถา อายุ 75 ปี ซึ่งเป็นคนที่พบร่องรอยหลุมฝังศพ กระจัดกระจายอยู่ในป่า ร่วมกันให้รายละเอียด นายสอนเล่าว่าสมัยยังเด็ก เคยตามพ่อแม่มาฝังศพคนตาย ด้วยความซุกซนจะวิ่งเล่นกับเพื่อนในป่าช้า ซึ่งขณะนั้นยังไม่รกครึ้มเช่นทุกวันนี้ เห็นหลุมฝังศพมากมาย นอกจากนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้ ประเภท ถ้วย โถ โอ ชาม กองกระจายอยู่ทั่วไป ผู้ใหญ่สั่งห้ามหยิบติดมือกลับมาเด็ดขาด เพราะคนตายจะตามไปทวงคืน ส่วนความเก่าแก่ของสุสาน มีอายุเท่ากับเริ่มตั้งชุมชนคือ พ.ศ.2351 มีร่างของบรรพบุรุษนอนใต้หลุมศพครบสมบูรณ์แน่นอน เพราะตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านมาไม่เคยประกอบพิธีล้างป่าช้าเลย
loading...
ขณะเดียวกันทหารจากกองกำลังสุรนารี ที่เข้าไปในป่าช้าโบราณค้นหาหลุมฝังศพ ออกมาบอกว่าเห็นเนินดินคล้ายหลุมศพเรียงรายเต็มพื้นที่ ส่วนจะมีอายุมากน้อยแค่ไหน คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ ว่าที่ร้อยเอกพงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอ สั่งกำชับให้นางรุ่งรัตน์ผู้ใหญ่บ้าน ประสานกับลูกบ้านทำเครื่องหมายหลุมฝังศพไว้ และอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ อาจจะไม่หวังดีขุดค้นหานำของโบราณออกไป เพราะควรร่วมกันอนุรักษ์ของเก่าแก่เหล่านี้ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษา ตามประวัติศาสตร์ หมู่บ้านท่าดอกแก้ว เป็นชนพันธุ์เผ่าไทญ้อ ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองหงสาวดี ตอนเหนือของเมืองหลวงพระบาง ราชอาณาจักรลาว ในสมัยเจ้าอนุวงศ์เป็นผู้ครองนครเวียงจันทน์ ตรงกับปีจุลศักราช 1170 (พ.ศ.2351) ปลายรัชสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรี รัชกาลที่ 1 ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองทางฝั่งลาว จึงอพยพล่องเรือมาตามลำแม่น้ำโขง จนมาพบชัยภูมิที่เหมาะสมจึงพากันตั้งถิ่นฐาน ภายหลังตั้งชื่อเมืองที่สร้างใหม่แห่งนี้ว่า "เมืองไชยสุทธิอุตตะมะบุรี" ปัจจุบันคือ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทนในเวลาเดียวกันหลวงพ่อเป๊า ซึ่งอพยพติดตามมาด้วย ได้แยกตัวออกมาตั้งบ้านเรือน ห่างจากเมืองไชยสุทธิฯประมาณ 5 กม. บริเวณดังกล่าวเป็นป่าทึบมีต้นไม้ขนาดใหญ่และสัตว์ป่ามากมาย บ้านเรือนที่ตั้งขึ้นขณะนั้นมีเพียง 5-6 หลังคาเรือน ต่อมามีทั้งชาวไทยและลาวอพยพเพิ่มมากขึ้น อาชีพคือทำนา ทำไร่ ทำสวนและล่าสัตว์ ห่างออกจากชุมชนไม่ไกลนัก มีหนองน้ำแห่งหนึ่งเรียกว่า"หนองพอก" เป็นสถานที่สัตว์ป่าลงมากินน้ำประจำ ชาวบ้านจึงมาคอยดักสัตว์ป่าอยู่ที่นี่ และจะทำสัญลักษณ์ด้วยการบากต้นไม้ให้รู้กัน จนกลายมาเป็นชื่อหมู่บ้าน"พรานบาก" แต่เพราะภาษาไทญ้อพูดสำเนียงห้วนจึงเพี้ยนมาเป็น"บ้านพันบัก" มีทั้งบ้านพันบักเหนือ,พันบักทุ่ง,และพันบักท่า บ้านพันบักเหนือต่อมาเปลี่ยนเป็น"บ้านท่าดอกแก้ว" ตั้งชื่อตามที่มีต้นเกษและต้นกาบแก้วขึ้นตามท่าแม่น้ำโขงเยอะนั่นเอง
loading...
ข้อมูลจาก :com/contents/bg/3570/

About Srun

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.