ข่าวประจำวัน

มีอยู่จริงหรือ?? เปิดตำนาน “พระกินคน”!?? เรื่องเล่าขานแต่โบราณกาล…. พระพุทธรูปที่วัดดัง จ. สุมทรสงคราม !! (รายละเอียด)

loading...
มีอยู่จริงหรือ?? เปิดตำนาน “พระกินคน”!?? เรื่องเล่าขานแต่โบราณกาล…. พระพุทธรูปที่วัดดัง จ. สุมทรสงคราม !! (รายละเอียด)เคยได้ยินกันไหมตำนาน “พระกินคน” ที่วัดเขายี่สาร อ.อัมพวา จ.สุมทรสงคราม หลังจากที่ชาวบ้าน “เลือดติดอยู่ที่ปาก” ซึ่งเรื่องราวที่แปลกพิสดารของพระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งอยู่ที่วิหารวัดเขายี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีความเป็นมาที่ค่อนข้างจะเรียกว่าแปลกพิสดารเอามาก ๆสำหรับชาวพุทธทั่วไปถือว่า..พระพุทธรูปคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สมควรแก่การกราบไหว้บูชามาทุกยุคทุกสมัย ในทั่วภูมิภาคของประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา แต่เหตุใดพระพุทธรูปองค์นี้จึงมีประวัติความเป็นมาที่ดูน่ากลัว โหดร้าย จนนักปราชญ์ในสมัย ร.5 อย่าง “ก.ศ.ร.กุหลาบ” ได้เขียนบรรยายเรื่องราวความเชื่อนี้เอาไว้ในนิราศเขายี่สาร เมื่อคราวมาเยือนที่นี่ว่า…. “…แล้วมีเหล็กสองตะปลิงยิงพระโอษฐ มาทำโทษพระได้น่าใคร่หัว ช่างไม่เกรงบาปกรรมเหมือนทำตัว ท่านทำชั่วล้างผลาญประการใด ข้าพเจ้าจึงได้เที่ยวไต่ถาม อยากทราบความมั่นคงที่สงไสย ไปปะภบผู้เฒ่าที่เข้าใจ จึงเล่าให้ฉันฟังแต่หลังมา ว่าเดิมทีมีเด็กเดินไปเที่ยว แต่ภอเลี้ยวลับลงที่ตรงหน้า เสียงร้องกรีดขึ้นประหลาดหวาดวิญญา พระสงฆภากันตรงลงไปดู ไม่เหนเด็กที่นั่นขันหนักหนา เหนแต่ผ้านุ่งของเด็กกองอยู่ ที่ตรงน่าพระนั้นครั้นไปดู จึ่งมีผู้สังเกตรู้เหตการ เหนโลหิตติดแดงอยู่ที่โอษฐ จึ่งลงโทษว่าพระนั้นประหาร เจ้าคณะที่อยู่แต่บูราณ จึ่งคิดการเอาตะปลิงมายิงไว้ เพื่อจะกันอันตรายไปภายน่า มีให้อ้าโอษฐขึ้นกินคนได้ ตั้งแต่เย็บโอษฐนั้นต่อวันไป แล้วก็ไม่มีเหตุสังเกตมา” จากเรื่องราวในนิราศที่ “ก.ศ.ร.กุหลาบ” ได้เขียนบรรยายเอาไว้ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น เกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์นี้ว่าได้กินเด็กคนหนึ่งที่เข้ามาเล่นบริเวณวิหาร เลือดติดอยู่ที่ปาก คนไปพบเข้าจึงลงโทษโดยการเอาตะปูตอกปากเพื่อกันมิให้ไปกินใครอีกแต่จากการเข้าสำรวจของนักท่องเที่ยวหลายๆคน ก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มองไม่เห็นตะปูบนปากของพระพุทธรูป ตามข้อความในนิราศกล่าวไว้ เห็นแต่ว่าปากของพระพุทธรูปสีแดงเท่านั้นทั้งนี้ก็ได้มีพระภิกษุชรารูปหนึ่งซึ่งจำพรรษาอยู่ที่นั่น ท่านเล่าให้ฟังว่า ที่เขายี่สารนี่โดยเฉพาะบนเขาตามซอกหินต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปใกล้ๆ พระอุโบสถและวิหาร มีงูเห่าเป็นจำนวนมากมายอาศัยอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าคนโบราณกลัวว่าเด็กจะขึ้นมาเล่นบนนี้แล้วได้รับอันตรายจากงู จึงหาอุบายสร้างเรื่องขึ้นมาขู่ขวัญเด็กให้กลัว เพื่อไม่ให้ขึ้นมาเล่นกันบนนี้
loading...
แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่าพระกินเด็กแล้วหาทางแก้โดยการเอาตะปูตอกปากไว้นั้น นับว่าพิลึกกึกกือพอสมควร คล้ายๆ กับเรื่องราวพิลึกกึกกือของเศียรพระแสนแส้ พระพุทธรูปที่ถูกตรึงพระโอษฐ์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ บทความของคุณศักดิ์ชัย สายสิงห์ ที่ได้เขียนไว้ว่า…เศียรพระพุทธรูปดังกล่าว ถูกตอกตะปูที่พระโอษฐ์ เพียงเพราะบอกหวยแม่น เจ้ามือหวยเลยจัดการเอาตะปูตอกปิดปากเพื่อไม่ให้เที่ยวไปบอกหวยใครอีกว่าแต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็อย่าให้เจ้ามือหวยรู้นะคะ เพราะเดี๋ยวพระท่านจะเจ็บตัวอีกแต่แท้จริงแล้วพระกินคินที่ถูกเล่ามาอย่างน่ากลัวนั้น เป็น พระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย หรือที่เราเรียกกันว่า หลวงพ่อปากแดง จากข้อสัณนิษฐานของกรมศิลปากร ระบุว่าเมื่อเริ่มสร้างในรัชสมัยพระเจ้าอู่ทอง เป็นพระพุทธรูปที่ยังไม่ทรงเครื่อง แต่จะมาทรงเครื่องในรัชสมัยพระเจ้าเสือ สมัยอยุธยาตอนปลายซึ่งยุคนี้นิยมสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่อง ทั้งทรงเครื่องน้อยและทรงเครื่องใหญ่ที่มาของชื่อหลวงพ่อปากแดง มีเรื่องเล่าว่า เนื่องจากในสมัยนั้นบนเขานี้เป็นป่าเขารกชัฎ มีหุบเหวโดยทั่วไป รวมทั้งมีสัตว์ร้ายชุกชุม เด็กที่ชึ้นมาวิ่งเล่นบนนี้มักจะหายสาบสูญเป็นประจำอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านและพระที่นี่จึงหาวิธีป้องกัน โดยทาปาก องคืพระประธานเป็นสีแดง เพื่อให้ดูน่ากลัว พร้อมกับขู่เด็กว่าอย่าขึ้นมาวิ่งเล่นบนนี้ มิฉะนั้นหลวงพ่อจะจับกินนะ ก็จึงเรียกติดปากกันต่อมาว่า หลวงพ่อปากแดง ไม่รู้จริงเท็จประการใด
loading...
ข้อมูลจาก :depth.zocialx.com/15656

About Srun

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.